Call Me Shadow: The Ancient Thai Order – Chapter 4
เรียกข้าว่าเงา – Chapter 4: คำสาบานแรก
      เสียงลมจากปากถ้ำบรมครูพัดวูบผ่านหน้า
      อินยืนนิ่ง
      รู้สึกเหมือนถูกสายตาที่มองไม่เห็นจ้องทะลุเข้ามาในจิตใจ
      ด้านหลังมีศิษย์รุ่นพี่อีกสองคนยืนเงียบ
      มือถือกระบองและมีดสั้นในท่าเตรียมพร้อมเหมือนนักล่าที่เฝ้าประตู
      ขุนคีรีก้าวขึ้นยืนตรงหน้ากลุ่มเด็กทั้งสี่
      แผ่นหลังสูงใหญ่ปิดแสงสลัวของถ้ำจนอินมองไม่เห็นอะไรข้างใน
      ดวงตาคมกริบของเขากวาดมองทุกคนก่อนพูดเสียงทุ้มหนัก
    
      “ที่นี่คือ ถ้ำบรมครู ประตูบานแรกของสำนักเขาอ้อ
      ใครที่ไม่ผ่าน…จะไม่มีชื่ออีกต่อไป”
      เด็กหญิงที่ยืนข้างอินตัวสั่น
      ดวงตาแดงก่ำตั้งแต่ถูกบังคับให้เดินทางกลางป่า
      “ละ…แล้วเราต้องทำอะไร”
      เธอกลั้นน้ำตาเอ่ยถาม
    
      “เผชิญกับสิ่งที่เจ้ากลัวที่สุด”
      ขุนคีรีตอบทันที
      “เพราะความกลัวคือรากที่ทำให้คนทรยศ
      และสำนักนี้ไม่ต้องการคนแบบนั้น”
    
      คำพูดนั้นเหมือนดาบกดทับบนหัว
      อินหายใจติดขัด
      เขานึกถึงภาพเมื่อคืนที่ถูกเรียกชื่อจากเงามืด
      และอดสงสัยไม่ได้ว่า
      หรือความกลัวของข้าจะฆ่าข้าเอง…
      อินก้าวไปข้างหน้าเมื่อถูกเรียกให้เป็นคนแรก
      ความรู้สึกเหมือนเท้าหนักขึ้นเป็นสิบเท่า
      เขายืนต่อหน้าปากถ้ำที่เย็นจัดจนลมหายใจกลายเป็นไอ
      มือกำแน่นจนเล็บจิกเนื้อ
    
      ขุนคีรียื่นมีดสั้นมาพร้อมพยักหน้า
      “เลือดของเจ้า จะเป็นคำสาบานแรก”
    
      อินกลืนน้ำลาย
      เขาก้าวไปหยิบมีด
      สัมผัสโลหะเย็นเฉียบทำให้สั่นจนแทบปล่อยมือ
      เขามองขุนคีรีอีกครั้งเหมือนขอคำตอบว่าจะทำจริงหรือไม่
      แต่ดวงตานั้นไม่ให้ทางถอย
      อินกัดฟันแล้วกรีดฝ่ามือตัวเอง
      เลือดหยดลงบนหินตรงหน้าปากถ้ำ
      ทันทีที่เลือดสัมผัสพื้น
      แสงสีทองจาง ๆ ลุกวาบขึ้นรอบตัวเหมือนยันต์ที่สลักอยู่ใต้ดินตื่นขึ้น
      เสียงสวดมนต์โบราณดังลอดมาจากในถ้ำ
      อินรู้สึกเหมือนเลือดในร่างกายตัวเองถูกดึงไปบางส่วนจนหน้ามืด
    
      นี่หรือคำสาบานแรก…
      ถ้าเราถอยออกไปตอนนี้
      พวกเขาจะฆ่าเราทันทีหรือไม่?
      เขายังยืนสั่นอยู่หน้าถ้ำเมื่อขุนคีรีพูดขึ้นอีกครั้ง
      “ก้าวเข้าไป ข้าจะไม่ช่วยเจ้า”
    
      อินสูดลมหายใจจนปอดเจ็บ
      ก้าวขาไปข้างหน้า
      ขอบหินของปากถ้ำเย็นเหมือนจะดึงเขาเข้าไปในความมืดที่ไร้จุดสิ้นสุด
      ขุนคีรีเฝ้าดูอินก้าวเข้าไป
      ดวงตาไม่กะพริบ
      เขารู้ดีว่าเด็กคนนี้มีประกายบางอย่าง
      แต่ถ้ำบรมครูไม่เคยปรานีใคร
    
      มันจะรอดไหม…หรือกลายเป็นร่างที่ถูกกลืนไปอีกศพ
      เขาคิดในใจ
      ก่อนหันไปมองเด็กคนอื่นที่ยังยืนตัวสั่นรอคิวต่อไป
      ศิษย์รุ่นพี่อีกคนพึมพำเบา ๆ
      “บางทีคืนนี้อาจไม่มีใครเหลือครบสี่คนออกมา”
      ขุนคีรีไม่ได้ตอบ
      แต่สายตาเขาบอกชัดว่าเป็นไปได้
    
      เด็กชายที่ยืนต่อจากอินกำมือสั่นจนเหงื่อไหล
      มือเขาเปื้อนเลือดของอินที่หยดบนพื้นเมื่อครู่
      ข้าจะทำได้หรือ?
      ถ้ำนี้จะเปิดเผยสิ่งที่ข้าซ่อนในใจหรือไม่…
    
      เด็กหญิงข้าง ๆ กัดริมฝีปากแรงจนเลือดซึม
      เธอมองปากถ้ำเหมือนมันจะกลืนเธอทั้งเป็น
      ความคิดจะวิ่งหนีกะพริบวูบขึ้นในหัว
      แต่เห็นสายตาของศิษย์รุ่นพี่ที่คุมท้ายแถวก็รู้ดีว่าหนีไม่ได้
      อินก้าวลึกเข้าไปเพียงไม่กี่ก้าว
      ความมืดในถ้ำหนาแน่นเหมือนของเหลวที่โอบร่างเขาไว้
      เสียงหัวใจเต้นดังจนแทบได้ยินชัดในหัว
      เขาเริ่มเห็นเงาแปลก ๆ เลื่อนไหวอยู่ด้านใน
    
      ทันใดนั้นเสียงกระซิบดังขึ้นจากทุกทิศทาง
      “เจ้ากลัวอะไรที่สุด…?”
    
      อินหันขวับไปมา แต่ไม่เห็นใคร
      เงามืดกลับแผ่เข้ามาเหมือนจะกลืนเขา
      สองเท้าจมลงกับพื้นดินที่นุ่มราวกับโคลน
      เหมือนถ้ำไม่ยอมให้เขาก้าวต่อไป
      เขาพยายามดึงเท้าขึ้นแต่กลับจมลึกลงเรื่อย ๆ
      เสียงหัวเราะแผ่วดังขึ้นจากความมืด
      อินเบิกตากว้าง
      ความหนาวแล่นขึ้นถึงสันหลัง
    
นี่คือบททดสอบ…หรือความตายจริง ๆ กันแน่?
      อินพยายามดึงเท้าขึ้นจากดินเหนียวที่เหมือนมีชีวิต
      แต่ยิ่งขยับมันยิ่งดูดลึกลงไป
      เสียงกระซิบจากรอบทิศยังคงดังไม่หยุด
    
“เจ้ากลัวอะไรที่สุด…?”
      อินกัดฟัน
      “ข้าไม่ได้กลัว!”
      เขาตะโกนใส่ความมืด
      แต่เสียงสะท้อนกลับเหมือนหัวเราะเยาะ
      ทันใดนั้นภาพหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้า
      เป็นเงาร่างของ แสง เพื่อนสนิทในหมู่บ้านที่เขาเคยปกป้อง
      “อิน…เจ้าทำไมไม่ช่วยข้า”
      เสียงแสงแผ่วจนหัวใจแทบแตกเป็นเสี่ยง ๆ
      ก่อนร่างนั้นจะเริ่มไหม้ทั้งตัวอย่างช้า ๆ
    
      “ไม่…ไม่ใช่แบบนั้น!”
      อินพยายามก้าวไปหา
      แต่ดินเหนียวที่ขาหนีบเขาแน่นขึ้นทุกที
      ความรู้สึกผิดจากเหตุการณ์วันโจรป่ากัดกินเขาเหมือนเปลวไฟเผาร่าง
    
      นี่คือสิ่งที่ข้ากลัวที่สุด…
      การสูญเสียคนที่รักเพราะข้าช่วยไม่ได้
      อินกัดฟันจนเลือดซึมจากริมฝีปาก
      เขาพยายามหลับตาแล้วบอกตัวเองว่า นี่คือภาพลวงตา
      แต่เสียงของแสงดังขึ้นใกล้หูจนเขาแทบจะเชื่อว่าเป็นจริง
      เด็กคนต่อไปที่ยืนรอเริ่มได้ยินเสียงแปลก ๆ เล็ดลอดออกมา
      เขาสบตาเด็กหญิงข้าง ๆ ที่หน้าซีดเผือด
    
      “เจ้าก็ได้ยินใช่ไหม…”
      เด็กชายกระซิบ
      แต่เด็กหญิงไม่ตอบ
      เพียงยืนสั่นพร้อมน้ำตาที่ไหลเงียบ ๆ
      ทันทีที่เธอก้าวเข้าไปในถ้ำ
      ความมืดปกคลุมร่างทันที
      เธอเริ่มเห็นภาพพ่อแม่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า
      “ลูก…ทำไมเจ้าทิ้งเราไป”
      เสียงนั้นกรีดใจจนเธอทรุดลงกับพื้น
      “ไม่! ข้าถูกบังคับมา!”
      เธอตะโกน
      แต่ร่างของพ่อแม่ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเงาดำไร้หน้า
      เคลื่อนเข้ามาล้อมรอบ
    
      เด็กหญิงกรีดร้องเสียงสั่น
      แต่ไม่มีใครได้ยินนอกจากตัวเธอเอง
      ภาพเงาดำยื่นมือมาแตะไหล่
      ความเย็นแผ่ซ่านเหมือนจะถูกกลืนไปทั้งตัว
      อินพยายามดึงเท้าขึ้นอีกครั้ง
      แต่ดินเหนียวกลับยึดแน่นกว่าเดิม
      ความรู้สึกผิดและความกลัวถาโถมจนใจแทบแตก
      เขามองเงาร่างของแสงที่ยังลุกไหม้อยู่ตรงหน้า
    
“เจ้าทำให้ข้าตาย อิน…เจ้าเป็นคนฆ่าข้า”
      อินส่ายหน้าแรงจนหูอื้อ
      “ไม่! ข้าช่วยเจ้าแล้ว…ข้าช่วยเจ้าแล้ว!”
      เขาตะโกนสุดเสียง
    
      เสียงหัวเราะจากความมืดดังขึ้น
      “เจ้ากลัวสิ่งที่เจ้าหนีไม่ได้…เจ้าจะจมอยู่ที่นี่ตลอดไป”
    
      ร่างของอินเริ่มถูกดึงลงไปถึงเข่า
      หัวใจเต้นรัวจนเหมือนจะแตก
      เขามองรอบตัวหาทางรอด
      แต่มีเพียงความมืดและเสียงกระซิบที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ
      เด็กชายที่เพิ่งก้าวเข้าถ้ำต่อจากอินเริ่มเห็นภาพโจรป่าที่เคยฆ่าพี่ชายของตน
      เขาแทบวิ่งหนี
      แต่เมื่อหันไปด้านหลังกลับพบว่า “ทางออกหายไป”
      มีเพียงกำแพงหินปิดตาย
    
      เขาติดอยู่กับความกลัวที่เคยฝังใจ
      ความมืดกระซิบว่า
      “เจ้ากลัวตายเหมือนพี่ชายเจ้าใช่ไหม…”
    
      เด็กชายตัวสั่น
      ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ
      อินเริ่มหมดแรง
      ร่างกายถูกดึงลงไปถึงเอว
      ภาพของแสงที่ลุกไหม้ตรงหน้าทำให้เขาแทบจะยอมแพ้
      แต่ทันใดนั้นเขานึกถึงคำพูดของขุนคีรีที่หน้าถ้ำ
    
“สำนักนี้ไม่ต้องการคนที่หนีความกลัว”
      อินกัดฟันรวบรวมสติสุดท้าย
      เขาหลับตาแล้วตะโกนใส่ภาพลวงตา
      “เจ้ามันไม่จริง! ข้าไม่ยอมให้เจ้ากลืนข้า!”
      ทันใดนั้นภาพเงาของแสงชะงักไปก่อนจะเริ่มแตกเป็นเสี่ยง ๆ
      ความมืดรอบตัวสั่นสะเทือนเหมือนโกรธที่อินไม่ยอมเชื่อมัน
    
      เสียงหัวเราะกลับกลายเป็นคำรามกึกก้อง
      “ถ้าเจ้าไม่กลัว…เจ้าจะต้องเจอสิ่งที่เลวร้ายกว่านี้!”
    
      พื้นใต้เท้าอินทรุดตัวลงเหมือนช่องว่างขนาดใหญ่กำลังเปิดออก
      ร่างเขาถูกดูดลงไปในห้วงลึกที่ไม่มีแสงสว่าง
    
อินกรีดร้องครั้งสุดท้ายก่อนร่างหายไปกับความมืด…
 
