It’s Your Business – เรื่องของนาย : Chapter 1

เรื่องของนาย – ตอนที่1: พนักงานที่ไม่มีใครจำชื่อได้

เสียงโทรศัพท์สำนักงานดังระงมรอบชั้น 23 ของอาคารกระจกสูงระฟ้า
เสียงเครื่องปริ้นต์ที่ครืดคราดสลับกับเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นยางสีเทาเป็นจังหวะเร่งรีบ
กลิ่นกาแฟที่ชงจากตอนเช้าจางลงจนผสมกับกลิ่นแอร์เย็นจัด กลายเป็นกลิ่นประจำของที่นี่
พนักงานเดินสวนกันขวักไขว่ในชุดทำงานสีเรียบ บ้างถือแฟ้ม บ้างกดโทรศัพท์แนบหูด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

ท่ามกลางความวุ่นวายนั้น มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เหมือนจะกลายเป็น “อากาศ” สำหรับทุกคน

“น้องๆ! ช่วยเอาเอกสารไปให้ฝ่ายบัญชีหน่อยได้ไหม?”
เสียงผู้หญิงจากอีกฝั่งของแถวโต๊ะดังแทรกขึ้น

“ครับพี่!”

อิน—หรือชื่อจริงเต็มยศว่า อินทรา—เผลอยิ้มบางเมื่อถูกเรียก
แต่แววตากลับหม่นเล็กน้อย เพราะเขารู้ว่าพี่คนนั้นไม่เคยจำชื่อเขาได้สักที

กระเป๋าสะพายใส่เอกสารของอินเต็มจนจะปริ
แฟ้มเล็กแฟ้มใหญ่ยัดแน่นจนปิดไม่สนิท
เหมือนเขาเองที่ชีวิตแน่นไปด้วยหน้าที่
แต่ไม่เคยมีพื้นที่ให้ตัวตน

“อิน! เอกสารให้ผู้จัดการบุญส่งนะ ไม่ใช่บัญชีอย่างเดียว”
เสียงรุ่นพี่จากโต๊ะด้านข้างตะโกน

“ครับพี่!”
อินตอบรับพลางหอบแฟ้มขึ้นแนบอก
ก่อนออกเดินไปตามทางเดินแคบๆ ในชั้นออฟฟิศที่เหมือนเขาวงกต

นี่คือวันทำงานธรรมดา
แต่สำหรับอินกลับไม่ธรรมดา
เพราะเขาเพิ่งทำงานครบหนึ่งปีเต็มในบริษัทใหญ่ที่คนแย่งกันเข้า
แต่กลับไม่มีใครจำชื่อเขาได้เลย

แม้กระทั่งเพื่อนร่วมทีมบางคนยังเรียกเขาว่า “น้อง” หรือ “Messenger” ตลอดเวลา

อินไม่ใช่คนโดดเด่น
เขาสูงโปร่ง ผิวสองสี
ผมดำเซ็ตไม่ค่อยเป็น
และมีรอยยิ้มที่ออกจะเกรงใจใครไปหมด
แต่นั่นแหละทำให้ไม่มีใครสนใจ

เขารู้ดี
และก็พยายามจะไม่คิดมาก

แต่ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเรียกแบบไม่รู้จักชื่อ
มันก็แอบเจ็บ

“อิน! จะไปฝ่ายบัญชีใช่ปะ? ฝากเอาโดนัทไปให้พี่ต่ายด้วยดิ”
เสียง พลอย เพื่อนร่วมรุ่นที่นั่งโต๊ะใกล้ๆ ยื่นกล่องโดนัทมาให้พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

อินย่นคิ้ว
“นี่เรา Messenger หรือ Food Panda กันแน่?”

“เอ้า! ก็เธอเดินไปอยู่แล้วไง ช่วยกันๆ”
พลอยหัวเราะ ก่อนหันไปกระซิบเพื่อนอีกคน
“ฝากบอกพี่ต่ายว่า คิดถึง ด้วยนะ”

“พวกเธอนี่...”
อินถอนหายใจ แต่ก็รับกล่องมาอยู่ดี
เพราะปฏิเสธไม่เก่ง

พวกเขานี่แหละที่ทำให้การทำงานมันไม่เหงาเกินไป
อินคิดในใจ
แม้จะโดนใช้สารพัด
แต่พลอยกับต้นก็เป็นเหมือนคนคอยดึงให้เขาไม่หายไปจากโลกนี้

บ่ายนั้น อินถือเอกสารหลายปึก
เดินตามทางที่พนักงานคนอื่นชี้บอก
แต่ในออฟฟิศใหญ่แบบนี้ ถ้าพลาดนิดเดียว ก็หลงทางได้ง่าย

“เอ๊ะ...บอกให้ขึ้นชั้น 25 ใช่ไหมนะ?”
อินพึมพำ พยายามหาป้ายบอกทาง
แต่เหมือนจะเดินมาผิดฝั่ง
เขาเห็นทางเดินโล่งๆ ที่ไม่มีใครอยู่

ป้ายเล็กข้างประตูเขียนว่า
“ฝ่ายบริหาร – จำกัดการเข้า”

อินลังเล
แต่เพราะกลัวทำเอกสารตกค้าง
เขาตัดสินใจก้าวต่อไปเพื่อหาทางลัดไปอีกฝั่ง

และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด

ทางเดินชั้นบริหารเงียบผิดปกติ
ไม่มีเสียงพนักงาน ไม่มีเสียงเครื่องถ่ายเอกสาร
มีเพียงเสียงส้นรองเท้าของอินก้องสะท้อน

เขารีบเดินผ่านไป
แต่จู่ๆ เอกสารปึกหนึ่งก็หลุดมือ ร่วงกระจายเต็มพื้น

อินก้มเก็บ
แต่ดันเห็นซองเอกสารสีน้ำตาลที่ไม่ได้อยู่ในแฟ้มของเขา

“ของใครกัน...”
อินหยิบขึ้นมา
มันไม่มีชื่อผู้รับ
มีเพียงตราประทับสีดำลึกลับที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

เสียงฝีเท้าใครบางคนดังใกล้เข้ามา
อินรีบยัดซองใส่กระเป๋าเอกสารของตัวเองทันทีโดยไม่ทันคิด
เหงื่อเริ่มซึมที่ขมับ

อินกดปุ่มลิฟต์รัวๆ ราวกับชีวิตขึ้นอยู่กับวินาทีนั้น
ลมหายใจถี่กระชั้น หัวใจเต้นโครมคราม
แต่เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก เวลาเหมือนหยุดนิ่ง

ตรงหน้าเขาคือ พี่ก้อย — รุ่นพี่แผนกไอทีที่ทั้งตึกแอบกรี๊ด
ยืนอยู่อย่างสง่า ราวกับรู้ว่าทุกสายตาต้องหันมา

ผมยาวถูกรวบตึงเป็นหางม้าตั้ง ใบหน้าคมชัด ดวงตาเฉี่ยวเฉลานิ่งสงบ
รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก แค่เสี้ยววินาทีก็เพียงพอให้ใครหลายคนสั่นไหว

“อ้าว… อิน?”
เสียงนุ่มๆ ดังขึ้น พร้อมกับสายตาที่กวาดจากหัวจรดเท้า
“ทำอะไรอยู่บนนี้อะ เห็นเงียบๆ แปลกๆ”

อินกลืนน้ำลาย คอแห้งผาก
“ผะ... ผมหลงทางครับ”
เสียงสั่นจนแทบไม่เป็นคำ ร่างกายแนบชิดผนังลิฟต์ราวกับอยากหายเข้าไปในนั้น

“ฮื้ออ… โซนบริหารมันเหมือนเขาวงกตจริงๆ นะ”
พี่ก้อยหัวเราะเบาๆ เสียงเหมือนลาเต้ร้อนที่ละลายทีละน้อย
“ระวังหน่อยล่ะ เดี๋ยว รปภ. จับได้ แล้วจะซวยเอา”

เธอก้าวเข้ามาใกล้ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำหอมไซตรัสผสมผสานกับกลิ่นกาแฟ
ประตูลิฟต์ปิดช้าๆ ความเงียบเข้าครอบงำ แต่ในหัวอินกลับดังระรัว

“ให้พี่ช่วยมั้ย?”
เธอยื่นมือมาอย่างไม่ลังเล ปลายนิ้วสัมผัสขอบแฟ้มที่อินกำไว้แน่นจนข้อนิ้วขาว
“ดูจะหนักไปหน่อยนะ แบกคนเดียว”

อินลังเล แต่ก็ยื่นแฟ้มให้
มือของเขาสั่นนิดๆ เมื่อปลายนิ้วสัมผัสกับผิวอุ่นของเธอ
แค่เสี้ยววินาที แต่เหมือนกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านหัวใจ

มือพี่ก้อยอุ่นกว่าที่คิดไว้หลายเท่า
ความร้อนแผ่ซ่านขึ้นมาที่แก้ม จนเขาต้องก้มหน้าหลบสายตา

“ขะ... ขอบคุณครับพี่”

“คราวหน้าถ้าเอกสารเยอะ โทรหาพี่ก็ได้นะ”
เธอยิ้มมุมปาก ดวงตาเป็นประกายเหมือนรู้ทันความรู้สึกของเขา
“พี่จะได้ไปช่วย... ถ้าอินอยากให้พี่ไป”

อินยืนตัวแข็ง ราวกับทหารเข้าแถว
แต่ในอกกลับเต้นแรงจนรู้สึกว่าเธอต้องได้ยิน

“พี่... พูดจริงเหรอครับ?”
เขาเผลอถามเสียงแผ่ว แทบไม่เชื่อหูตัวเอง

พี่ก้อยหันมามอง รอยยิ้มกว้างขึ้นนิด รู้ดีว่าคำพูดนั้นทำอะไรกับหัวใจใครบางคน
“ก็... ถ้าอินอยากให้พี่ไปช่วย ไม่เห็นต้องเขินเลย”

เสียง “ติ๊ง” ดังขึ้น
ประตูลิฟต์เปิดที่ชั้นของอิน เหมือนปลุกเขาจากภวังค์
เขาแทบจะรีบก้าวออกไป ไม่กล้าหันกลับ

แต่ใบหูที่แดงจัดก็ปิดไม่มิด
เหมือนลูกตำลึงสุกเต็มที่ ที่แม้แต่ลมเย็นในตึกก็ไม่อาจทำให้คลายร้อน

หลังเสร็จงาน อินตั้งใจจะคืนซองเอกสารที่เก็บได้
แต่ตลอดทั้งวันกลับไม่มีโอกาส เพราะกลัวถูกถามว่ามันไปอยู่กับเขาได้ยังไง

ช่วงเย็น พลอยกับต้นก็ลากเขาไป Food Court ใต้ตึกเหมือนเคย
กลิ่นอาหารเจือกลิ่นน้ำมันทอดในอากาศ
เสียงคนสั่งอาหารและเสียงจานกระทบกันดังระงม

“อินๆ ตักแกงให้กูหน่อยสิ มือกูถือของเต็ม” ต้นตะโกนข้ามโต๊ะ

“นี่แก Messenger หรือแม่บ้านบริษัทกันแน่วะ”
พลอยแซวทันที มือถือช้อนตักข้าวแกงไปหัวเราะไป
“ทั้งวันเห็นแกถือแต่เอกสาร เดี๋ยวนี้บริการตักแกงด้วยเหรอจ๊ะ”

อินถอนหายใจนิดๆ พลางตักแกงใส่จานให้ต้น
แต่ใบหน้าก็แอบยิ้มออกมา

“พวกแกนี่…วันไหนฉันลาออกจะรู้สึกยังไงบ้างไหมเนี่ย”

“ลาออกทำไมล่ะ? ถ้าไม่มีอินใครจะโดนใช้สารพัดแบบนี้เล่า”
พลอยยักคิ้วกวนๆ แล้วหันไปกระซิบต้นดังพอให้เขาได้ยิน
“แล้วใครจะให้เราแซวเรื่องพี่ก้อยทุกวันด้วยล่ะ”

อินชะงัก ช้อนในมือค้างกลางอากาศ
“เฮ้ย! จะพูดอะไรก็พูดดีๆ!”
ใบหน้าร้อนวูบเมื่อภาพรอยยิ้มพี่ก้อยในลิฟต์ผุดขึ้นมา

ต้นกับพลอยหัวเราะจนโต๊ะข้างๆ หันมามอง
อินได้แต่ก้มหน้ากินข้าวเงียบๆ
แต่หัวใจก็แอบอุ่นอยู่ลึกๆ

อย่างน้อยเขาก็ยังมีเพื่อนที่ทำให้ตัวเองรู้สึกว่า
ไม่ได้หายไปจากโลกนี้เสียทีเดียว

เมื่อกลับถึงห้องเช่าเล็กๆ เกือบสี่ทุ่ม
อินถอดกระเป๋าลงบนเตียงอย่างเหนื่อยล้า
แต่ความกังวลเรื่องซองเอกสารก็ยังตามมา

เขาตัดสินใจดึงมันออกมาเปิดอ่าน
มือสั่นเล็กน้อยเมื่อดึงเอกสารด้านในออกมา
และสายตากลับเบิกกว้าง

ชื่อที่ปรากฏบนเอกสาร...คือชื่อผู้บริหารใหญ่ของบริษัท
และหัวข้อที่เขียนอยู่ด้านบนสุดทำให้อินแทบหายใจไม่ออก

“การเลิกจ้างพนักงาน – Confidential”

อินจ้องเอกสารในมืออยู่นาน
หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ

นี่มันเรื่องใหญ่มาก...
ถ้ามีใครรู้ว่าฉันเห็นเอกสารนี้ ฉันจะโดนอะไรไหม?

อินพยายามหาที่ซ่อนที่ปลอดภัยที่สุด
ก่อนเก็บซองไว้ในกระเป๋าเอกสารส่วนตัวที่ล็อกกุญแจได้
แทนจะวางทิ้งที่โต๊ะทำงาน

แต่ยังไม่ทันหลับดี เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นแทรกความเงียบกลางห้องเช่าเล็กๆ จนอินสะดุ้งเฮือก

เขากวาดมือไปหยิบมือถือบนหัวเตียงทั้งที่เปลือกตาหนักอึ้ง
“ฮะ...ฮัลโหล?” อินกดรับด้วยเสียงงัวเงีย

ปลายสายเงียบสนิทไปครู่หนึ่ง
มีเพียงเสียงหายใจแผ่วๆ ที่ลอดเข้ามา เหมือนอีกฝ่ายจงใจให้ได้ยิน
บรรยากาศในห้องมืดทึบยิ่งกดทับ อินขยับตัวนั่งหลังตรงโดยไม่รู้ตัว

“...อินใช่ไหม?”
เสียงทุ้มต่ำของผู้ชายแปลกๆ ดังขึ้นในที่สุด
แต่ช้าและเย็นจนเหมือนแช่เลือด

อินชะงัก
“ครับ? คุณเป็นใคร?”
ใจเต้นแรงจนได้ยินเสียงตัวเองสะท้อนในความเงียบรอบข้าง

“เราไม่ต้องรู้หรอกว่าใคร...”
เสียงนั้นเว้นจังหวะนานราวกับจะกดดันให้เขากลัวจนตัวชา
“แต่ขอเตือน—”
น้ำเสียงต่ำและเย็นจนอินรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งร่าง
“อย่าพยายามรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้... เข้าใจไหม?”

คำพูดสุดท้ายลากเสียงเน้นชัดทุกคำเหมือนคำสาป
อินรีบอ้าปากจะถามต่อ แต่เสียง “ตึ๊ด” จากปลายสายก็ดับวูบลงทันที

ห้องทั้งห้องกลับสู่ความเงียบ
อินนั่งนิ่งไปหลายวินาที มือยังสั่นเล็กน้อยจนมือถือแทบหล่น
สมองเต็มไปด้วยคำถามที่โถมเข้ามา
เขารู้ได้ยังไงว่าเราชื่ออิน... แล้วเขาหมายถึงเรื่องเอกสารนั่นหรือเปล่า?

อินนอนจ้องเพดานอยู่อย่างนั้นทั้งคืน
เสียงหายใจของตัวเองกลายเป็นสิ่งเดียวที่ดังในห้องเงียบวังเวง
เขาไม่อาจหลับลงได้อีกแม้แต่วินาทีเดียว

เช้าตรู่วันถัดมา เขามาถึงบริษัทก่อนเวลาปกติ
หวังจะเริ่มงานที่พลอยฝากไว้ให้เสร็จ
แต่พอเปิดกระเป๋าเพื่อตรวจเอกสาร สิ่งที่เห็นทำให้ใจหล่นวูบ

ซองสีน้ำตาลนั้น...หายไป!

กระเป๋าเอกสารถูกเปิดและของข้างในถูกรื้อกระจัดกระจายเหมือนมีคนค้นหาอะไรบางอย่าง
อินยืนนิ่งเหมือนถูกแช่แข็ง
ความกลัวแล่นเข้ามาจับหัวใจ

ก่อนเขาจะคิดอะไรต่อ กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของผู้หญิงก็ค่อยๆ ลอยมาแตะจมูก
เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นใกล้เข้ามาจนอินชะงักเงยหน้า

ฝ่าย HR ยืนอยู่ตรงหน้า สีหน้าของเธอเรียบเฉยจนอ่านไม่ออก
เสียงรอบๆ ที่เคยดังอึกทึกของออฟฟิศเหมือนจะเงียบลงกะทันหัน
อินได้ยินแม้กระทั่งเสียงแอร์ที่ครางเบาๆ อยู่เหนือหัว

“อิน เข้าห้องประชุมกับเราหน่อยสิ”
เสียงเรียบๆ ของเธอทำให้มือที่กำลังถือกระเป๋าเอกสารของอินสั่นขึ้นมาเล็กน้อย

เขาเงยหน้าขึ้นช้าๆ สบตากับเธอ
และในดวงตาคู่นั้นเหมือนมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่

“เธอรู้มากเกินไปจะไม่ดีนะ... เข้าใจไหม?”

คำพูดนั้นเหมือนค้อนหนักกระแทกลงกลางอก
โลกของอินเหมือนแคบลงราวกับอากาศหายไปจากห้องทั้งห้อง
เสียงพูดคุยของคนในออฟฟิศกลับมาอีกครั้ง แต่ฟังดูไกลและพร่าจนจับใจความไม่ได้

อินไม่อาจปฏิเสธอะไรได้
เขาถูกพาเดินตามไปอย่างเสียศูนย์
และในใจเต็มไปด้วยคำถามว่า
เรื่องนี้จะพาเขาไปเจอกับอะไรที่เลวร้ายกว่านี้หรือเปล่า

🛡️ คำชี้แจงของผู้เขียน

เนื้อเรื่อง สถานที่ และตัวละครทั้งหมดในผลงานเรื่องนี้ เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนอย่างสมบูรณ์

ได้รับแรงบันดาลใจจากประสบการณ์ส่วนตัวและเรื่องราวรอบตัว เพื่อนำมาสร้างสรรค์เป็นงานบันเทิงเท่านั้น

ผู้เขียนไม่มีเจตนาพาดพิงหรือเกี่ยวข้องกับบุคคล องค์กร ศาสนา หรือสถาบันใด ๆทั้งสิ้น

เหตุการณ์ที่ปรากฏในเรื่องนี้ไม่ใช่เหตุการณ์จริง และไม่ควรนำไปอ้างอิงในทางวิชาการ ธุรกิจ หรือข้อมูลใด ๆ

จุดประสงค์ของผลงานนี้คือเพื่อความบันเทิงเท่านั้น

SacredCode

#เรื่องของนาย #IYB #ItsYourBusiness #SacredCode

ตอนที่ 1
ตอนที่ 2
Update cookies preferences