Call Me Shadow: The Ancient Thai Order – Chapter 5
เรียกข้าว่าเงา Chapter 5: เผชิญความกลัว
เสียงหัวใจของอินดังรัวในหูเมื่อร่างถูกดูดลงจากปากถ้ำบรมครู เขาร่วงกระแทกพื้นหินเย็นชื้น แต่แทนที่จะเจ็บ เขากลับรู้สึกเหมือนตกลงในห้วงฝัน มืดสนิทจนไม่เห็นแม้แต่เงาตัวเอง
“ที่นี่…คือไหนกัน” อินพึมพำ เสียงสะท้อนตอบกลับเหมือนมีใครนับร้อยพูดพร้อมกัน
ทันใดนั้นไฟสีแดงจุดขึ้นรอบตัว กลายเป็นทางแคบยาวที่ทอดไปในความมืด อินลุกขึ้นอย่างระแวดระวัง ขาของเขายังสั่นเพราะแรงตกและแรงกลัว
นี่คือบททดสอบ…หรือที่พวกเขาเรียกว่าความกลัวที่สุด?
เสียงฝีเท้าเล็ก ๆ ดังขึ้นด้านหลัง อินหันไปเห็นเด็กหญิงที่มาด้วยกัน เธอร้องไห้สะอึกสะอื้น “ข้าอยากกลับบ้าน…พ่อกับแม่ข้าอยู่ที่ไหน”
เด็กชายอีกคนกลับโกรธจัด “พวกมันบังคับเราให้มาเล่นเกมบ้า ๆ ข้าจะหาทางออกให้ได้!” เขาชกกำแพงหินจนเลือดซึม แต่ผนังกลับเย็นชาไร้รอยถลอก
เด็กคนสุดท้ายยืนตัวแข็ง เหงื่อไหลท่วมหน้าแต่พยายามยืดอก “ข้า…ข้าจะไม่กลัว ข้าจะผ่านไปให้ได้” น้ำเสียงสั่นแต่พยายามไม่ให้ใครเห็นว่าตัวเองสั่นเทาแค่ไหน
อารมณ์ของพวกเขาต่างกันสุดขั้ว ความกลัวทำให้แต่ละคนเผยตัวตนจริงออกมา
อินมองเพื่อน ๆ ที่เริ่มแตกสลาย เขารู้ดีว่าตัวเองก็ไม่ได้ต่างกันนัก ความกลัวแทรกเข้ามาเหมือนงูเลื้อยในใจ เขาเริ่มได้ยินเสียงกระซิบแผ่ว
“เจ้าจะตายเหมือนแสง…เพราะเจ้าอ่อนแอ”
อินกัดฟันส่ายหัวแรง ๆ “หยุด…หยุดพูดเรื่องนั้น!” เขาตะโกนแต่เสียงกระซิบยิ่งดังขึ้นเหมือนยั่วยุ ความรู้สึกผิดกรีดลึกในอกจนหายใจไม่ออก
เพดานหินสั่นสะเทือน ภาพรอบตัวเปลี่ยนเป็นหมู่บ้านที่อินคุ้นเคย บ้านเรือนถูกเผาไฟ ชาวบ้านกรีดร้องวิ่งหนี อินมองไปเห็นแสงถูกโจรป่าจับมัดไว้กลางลาน
“อิน! ช่วยข้าด้วย!” เสียงเพื่อนกรีดใจ เขาพุ่งไปข้างหน้า แต่ทุกก้าวกลับหนักเหมือนเดินในโคลนหนืด เงาโจรป่าหันมามอง ดวงตาว่างเปล่าเหมือนตุ๊กตา ก่อนเงื้อมมีดลงมา
“ไม่!!” อินตะโกนสุดเสียง แต่ร่างของแสงกลับค่อย ๆ หายไปกับเปลวไฟ เหลือเพียงเถ้าถ่านปลิวว่อนรอบตัว
อินทรุดลงกับพื้น มือกำแน่น นี่มันภาพลวงตา…หรือข้ากำลังเห็นสิ่งที่กลัวที่สุดอีกครั้งกันแน่?
เด็กหญิงที่ร้องไห้ตั้งแต่แรกเริ่มเห็นภาพพ่อแม่ยืนอยู่ตรงหน้า “ลูก…เจ้าทำให้เราผิดหวัง” เสียงพวกเขาเหมือนตอกลึกในใจ เธอทรุดลงกอดขา พยายามเอื้อมมือคว้าแต่ร่างพ่อแม่กลับถอยห่างเรื่อย ๆ จนกลายเป็นเงาดำจางหาย
เด็กชายที่โกรธพยายามวิ่งหาทางออกแต่พบว่าตัวเองถูกล้อมด้วยภาพโจรป่าที่ฆ่าพี่ชายของเขา “เจ้าจะตายเหมือนมัน” เสียงเยาะเย้ยดังรอบทิศ เขาเริ่มเหวี่ยงหมัดใส่อากาศอย่างบ้าคลั่ง
เด็กคนสุดท้ายยืนนิ่งพยายามสะกดกลั้นน้ำตา แต่เริ่มเห็นเงาร่างของเพื่อนเก่าที่เคยทรยศเขา “เจ้ามันไร้ค่า ไม่มีใครต้องการเจ้า” เสียงนั้นก้องสะท้อนในหัวจนขาแทบทรุด
อินมองภาพหมู่บ้านที่ถูกเผาอีกครั้ง เหมือนใครเอาความทรงจำที่เลวร้ายที่สุดมาฉายซ้ำ เขาสั่นเทา มือที่กำจนเล็บจิกเนื้อเริ่มมีเลือดซึม
“ข้า…ต้องไม่หลงไปกับมัน” เขาพึมพำกับตัวเอง พยายามนึกถึงคำของขุนคีรี “สำนักนี้ไม่ต้องการคนที่หนีความกลัว”
อินสูดลมหายใจลึกแล้วเงยหน้ามองความมืดตรงหน้า นี่คือภาพลวงตา มันต้องการให้เราจมอยู่กับมันจนตายที่นี่…ข้าจะไม่ยอม
เขาก้าวขาไปข้างหน้าแม้หัวใจเต้นแรงเหมือนจะระเบิด ความมืดรอบตัวสั่นสะเทือนเหมือนกำลังโกรธ
ทันใดนั้นพื้นหินใต้เท้าอินแยกออกเป็นหลุมลึก เขาเกือบตกแต่คว้าไว้ได้ที่ขอบหลุม เสียงกระซิบกรีดหู
“เจ้าหนีความกลัวไม่ได้…เจ้าจะตกลงไปตลอดกาล”
อินเกาะขอบหลุมแน่น เหงื่อไหลท่วมหน้า มองเห็นความมืดเบื้องล่างที่เหมือนจะกลืนทุกสิ่ง
และเหนือศีรษะเขา ภาพของแสงที่ถูกเผาไหม้ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นอีกครั้งเหมือนเย้ยหยันว่าเขาไม่มีวันรอด
ถ้าข้าหลุดมือ…ข้าจะตายที่นี่แน่ ๆ
อินเกาะขอบหลุมแน่นจนเล็บแทบฉีก เหงื่อและเลือดจากฝ่ามือผสมกันลื่นจนเขาเกือบหลุดตกลงไปในความมืดด้านล่าง เสียงกระซิบดังใกล้หูเหมือนมีใครนับร้อยรายล้อมรอบ
“ปล่อยไปซะ…เจ้ามันไร้ค่า เจ้าก็แค่เด็กกำพร้าที่ไม่มีใครต้องการ”
อินกัดฟันจนเลือดซึมจากริมฝีปาก ไม่…ข้าจะไม่จบที่นี่ เขาพยายามดึงตัวเองขึ้นมา แต่ขอบหลุมเหมือนมีแรงบางอย่างกดลงทำให้ร่างหนักขึ้นทุกที
ทันใดนั้นภาพของ แสง ปรากฏตรงหน้าหลุม ดวงตาของเพื่อนสนิทเต็มไปด้วยความผิดหวัง “อิน…เจ้าไม่ช่วยข้าอีกแล้ว เจ้าก็จะปล่อยมืออีกครั้งใช่ไหม”
“ไม่!” อินตะโกนสุดเสียง น้ำตาไหลไม่หยุด “ข้าจะไม่ทิ้งใครอีกแล้ว!”
เสียงคำรามดังสนั่น ความมืดรอบตัวเริ่มแตกเป็นเส้นแสงเหมือนใครทำลายกำแพงที่ขังอยู่
เด็กหญิงที่ร้องไห้ตั้งแต่ต้นกำลังทรุดอยู่กับพื้น ภาพพ่อแม่ไร้หน้าล้อมรอบตัว “กลับบ้านกับเราสิ…หรือเจ้าจะตายอยู่ที่นี่” เสียงนั้นทำให้เธอสะอื้นจนตัวโยน แต่แล้วเธอกัดฟันตะโกนทั้งน้ำตา “ข้าจะรอดเพื่อให้ท่านภูมิใจ!”
แสงสีทองแวบขึ้นรอบตัว ภาพพ่อแม่ค่อย ๆ จางหายไป เด็กหญิงลุกขึ้นอย่างหมดแรงแต่ดวงตาเริ่มมีแววมั่นคง
อีกมุมหนึ่ง เด็กชายที่เคยโกรธจนชกกำแพงตอนนี้นั่งกอดเข่า น้ำตาไหลเงียบ ๆ เพราะภาพโจรป่าที่ฆ่าพี่ชายวนซ้ำไม่หยุด “ไม่…อย่าฆ่าเขาอีกเลย” เขาพึมพำเหมือนยอมแพ้ ความมืดเข้าล้อมร่างช้า ๆ ก่อนจะดูดเขาหายไปพร้อมเสียงกรีดร้องสั้น ๆ
เด็กคนสุดท้ายยืนตัวสั่น เหงื่อท่วมหน้า เขาเห็นเงาเพื่อนเก่าที่เคยทรยศเข้ามาเย้ยหยัน “ไม่มีใครเชื่อใจเจ้า” แต่เด็กคนนี้กัดฟันตอบกลับเสียงดัง “ไม่ว่าพวกเจ้าจะว่าอะไร ข้าจะเดินต่อ!”
ทันใดนั้นเส้นทางหินตรงหน้าปรากฏขึ้นและเขาก็รีบก้าวไปข้างหน้า
อินดึงตัวเองขึ้นจากหลุมได้สำเร็จ หัวใจเต้นแรงจนหน้าอกเจ็บ เขาเงยหน้ามองรอบตัว ความมืดที่เคยปิดกั้นเริ่มแตกสลาย เหลือเพียงแสงสีทองนำทางไปข้างหน้า
ข้ายังหายใจอยู่…นี่คือคำตอบว่าข้าไม่ยอมแพ้
แต่ก่อนจะได้เดินต่อ ภาพหมู่บ้านที่ถูกเผากลับปรากฏขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มันไม่ใช่แค่ภาพ แต่มีเปลวไฟจริงที่พุ่งเข้าหาอินเหมือนจะเผาร่างให้เป็นเถ้าถ่าน
อินหอบหายใจหนัก “ข้า…ต้องผ่านไปให้ได้!” เขากระโจนฝ่าเปลวไฟ เสียงคำรามดังลั่นเหมือนถ้ำทั้งถ้ำจะถล่ม
เมื่อเขาพ้นเปลวไฟออกมา อินทรุดลงกับพื้น ร่างกายเต็มไปด้วยรอยแผลจากความร้อน แต่แสงสีทองที่พื้นกลับลุกโชติช่วง เหมือนยืนยันว่าเขา “ผ่านด่านนี้แล้ว”
ด้านนอกปากถ้ำ ขุนคีรียืนฟังเสียงจากในถ้ำอย่างเงียบงัน เขารู้ดีว่าทุกเสียงกรีดร้องหมายถึงมีคนไม่รอด
ศิษย์รุ่นพี่อีกคนกระซิบ “เหลือกี่คน”
“เราไม่รู้จนกว่าถ้ำจะเปิดเอง” ขุนคีรีตอบสั้น ๆ แต่ในใจเขาหวังว่าเด็กที่ตัวเองหมายตาจะไม่หายไปเหมือนคนก่อน ๆ
ภายในถ้ำ อินพยายามพยุงตัวขึ้นยืน แม้ขาจะสั่นและหายใจแทบไม่ทัน แต่เขาก็เห็นทางออกเป็นแสงสว่างอยู่เบื้องหน้า
เด็กหญิงคนหนึ่งที่รอดเช่นกันยืนรออยู่ แต่เธอเอื้อมมือมาจับแขนอินแน่น “ข้าเห็นอีกคน…เขาไม่รอด เขาถูกความมืดกลืนไปแล้ว” น้ำตาไหลแต่เธอกัดฟันไม่ร้อง
อินหันไปมองด้านหลัง เห็นเพียงเงามืดปิดตายทางที่เขาเพิ่งผ่านมา ไม่มีเสียงใด ๆ จากเด็กคนที่หายไป
เขากำหมัดแน่น รู้ว่าตัวเองต้องเดินไปข้างหน้า แต่ทันใดนั้นเสียงกระซิบก้องในหัวอีกครั้ง
“เจ้ารอดไปเพราะโชคเท่านั้น…ถ้าด่านต่อไป เจ้าจะไม่มีวันผ่าน”
อินกลืนน้ำลาย มองแสงที่ปลายทางอย่างกดดัน และก้าวออกไปสู่ทางออกที่พาเขาสู่ด่านใหม่