ออฟไลน์เพื่อชาติ! อิหร่านโหดแบนมือถือข้าราชการ กันภัยไซเบอร์ทะลุรัฐ

ออฟไลน์เพื่อชาติ! อิหร่านโหดแบนมือถือข้าราชการ กันภัยไซเบอร์ทะลุรัฐ

😱 ฟังดูเหมือนชื่อหนังแอ็กชัน แต่ครั้งนี้ของจริง! อิหร่านออกคำสั่งเข้มจากหน่วยงานไซเบอร์ระดับชาติ ให้เจ้าหน้าที่ระดับสูง เลิกใช้สมาร์ทโฟน แล็ปท็อป สมาร์ทวอทช์ หรืออุปกรณ์ใด ๆ ที่เชื่อมต่อเน็ตได้ เพราะหวั่นกลัวถูกแฮก หรือโดนสอดแนมจากต่างชาติแบบเนียน ๆ

🔍 รู้ก่อนใคร

คำสั่งนี้หลุดมาจากสำนักข่าว Fars ซึ่งสนิทกับกองกำลัง IRGC หรือหน่วยพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม โดยเตือนว่าการ "ปิดเครื่อง" อาจไม่พอ เพราะแฮกเกอร์สมัยนี้ตามรอยได้แม้แค่มีสัญญาณ! ทางออกเดียว: ต้องใช้อุปกรณ์สุดแอดวานซ์ที่ ตัดทุกการเชื่อมต่อแบบเนียนกริบ

💣 โดนโจมตีรอบเดียว เปลี่ยนทั้งระบบ

เหตุผลที่ทำให้อิหร่านตื่นตูมหนัก เริ่มจากเหตุการณ์ ตู้ ATM ของ Sepah Bank ล่มทั้งระบบ! โดยธนาคารนี้มีความเชื่อมโยงกับ IRGC และคาดกันว่าอิสราเอลคือผู้อยู่เบื้องหลังการแฮกครั้งใหญ่

"ออฟไลน์เพื่อชาติ! ไม่ใช่แค่สโลแกน แต่เป็นนโยบายที่รัฐกำลังผลักดันแบบเร่งด่วน เพราะเข็ดจากเหตุการณ์ครั้งนั้น"

⚔️ สงครามไซเบอร์ไม่ใช่เรื่องเล่น

อิหร่านและอิสราเอลกำลังอยู่ในศึกเทคโนโลยีดุเดือดแบบไม่มีพัก! ปีที่ผ่านมา มีรายงานว่าอิสราเอลใช้เครื่องเพจเจอร์ฝังระเบิดสังหารเป้าหมายของ Hezbollah ซึ่งเป็นพันธมิตรอิหร่าน — ทำให้เตหะรานไม่ไว้ใจอะไรที่ "เชื่อมเน็ต" อีกต่อไป

📌 จุดเปลี่ยนสำคัญ

คำสั่งนี้กลายเป็นมาตรการป้องกันตัวแบบตัดขาดโลกภายนอก เพื่อหยุดทุกความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากสงครามไซเบอร์

🗣️ ส.ส.ก็ต้องทิ้งมือถือ!

Hamid Rasaei สมาชิกสภาของอิหร่าน โพสต์บน X (Twitter เดิม) ว่าทั้งทีมงานของเขา "มอบโทรศัพท์คืนหมดแล้ว" เพื่อป้องกันปัญหาด้านความปลอดภัย ซึ่งเป็นการสนับสนุนคำสั่งนี้อย่างชัดเจน

📱 WhatsApp ก็ไม่รอด

ล่าสุด ทีวีของรัฐยังประกาศให้ประชาชนลบแอป WhatsApp ทิ้ง! โดยกล่าวหา (แบบไม่มีหลักฐาน) ว่า WhatsApp ส่งข้อมูลให้หน่วยข่าวกรองอิสราเอล

WhatsApp รีบโต้ทันที: "ไม่จริง! ข้อความทุกอย่างเข้ารหัสแบบ end-to-end ไม่มีใครแอบดูได้แน่นอน!"

หลายคนมองว่าการกล่าวหาแบบนี้อาจเป็นข้ออ้างเพื่อเตรียม "แบน WhatsApp" ในประเทศ

แล้วประชาชนทั่วไปล่ะ?

ตอนนี้คำสั่งยังจำกัดอยู่แค่เจ้าหน้าที่ระดับสูง แต่ไม่มีใครรู้ว่าในอนาคตจะลามไปถึงคนทั่วไปหรือไม่... โลกออนไลน์ในอิหร่านอาจเข้าสู่ยุค "ออฟไลน์เต็มรูปแบบ"

🛡️ สรุปสั้น ๆ

แคมเปญนี้สะท้อนว่า "เทคโนโลยี" ไม่ได้ปลอดภัยเสมอไป โดยเฉพาะเมื่ออยู่ท่ามกลางสงครามไซเบอร์ระดับโลก ที่การตัดการเชื่อมต่ออาจเป็นทางรอดเดียว!

อ้างอิง: Capacity Media. (2024). Iran bans officials from using connected devices amid cybersecurity fears. สืบค้นจาก https://www.capacitymedia.com/article-iran-bans-officials-from-using-connected-devices

อ้างอิง: The Times of Israel. (2024). Iran bans officials from using internet-connected devices. สืบค้นจาก https://www.timesofisrael.com/liveblog_entry/iran-bans-officials-from-using-internet-connected-devices/

Update cookies preferences