Call Me Shadow: The Ancient Thai Order – Chapter 1
เรียกข้าว่าเงา – Chapter 1: เงาที่ถูกเลือก
      หมอกยามเช้าปกคลุมหมู่บ้านชายป่าภาคใต้
      จนเงาต้นไม้ดูเหมือนสัตว์ร้ายซุ่มรออยู่ในความมืด
      บ้านเรือนกระจัดกระจายตามเนินดินต่ำสูง
      หลังคามุงจากเก่า ๆ เริ่มผุพังตามกาลเวลา
      เสียงไก่ขันแผ่ว ๆ ผสมกับเสียงจิ้งหรีดในพงหญ้าดังเป็นจังหวะคุ้นเคย
      แต่วันนี้ อินกลับรู้สึกว่าหมู่บ้านดูเงียบกว่าทุกวัน
    
      อิน เด็กชายวัยสิบสองปี ก้มหน้าลากฟืนที่เก็บจากป่าเข้าหมู่บ้าน
      เสื้อตัวเก่าขาดเป็นรู
      ฝ่าเท้าแตกจนเลือดซึมทุกครั้งที่เหยียบก้อนกรวด
      เจ็บชินแล้ว...แต่ก็ต้องทำ
      เขาพึมพำในใจ
    
      ตรงลานกลางหมู่บ้าน
      เด็กวัยเดียวกันสองสามคนวิ่งไล่กันอย่างสนุกสนาน
      อินหยุดมองเงียบ ๆ
      รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏเพียงชั่วครู่
      ก่อนที่เขาจะก้มหน้าหอบฟืนขึ้นบ่าต่อเหมือนไม่เห็นใคร
      เขารู้ดีว่าเด็กพวกนั้นบางคนเคยล้อเขาว่า "เด็กไม่มีราก"
      เพราะเป็นเด็กกำพร้าที่วัดเลี้ยง
    
      ในเพิงขายของไม้ไผ่เก่า ๆ ไม่ไกลจากลานหมู่บ้าน
      ชายหนุ่มร่างสูงในผ้าฝ้ายสีหม่นนั่งนิ่งเงียบ
      เขาชื่อ ขุนคีรี — ศิษย์สำนักเขาอ้อ
      ที่แฝงตัวอยู่ที่นี่มาหลายวันโดยไม่มีใครรู้
    
      ดวงตาคมกวาดมองเด็กทุกคนเหมือนชั่งน้ำหนักบางอย่าง
      แต่เมื่อเห็นอินแบกฟืนเข้าไปเพียงลำพัง
      สายตานั้นก็หยุดนิ่ง
      ราวกับเจอสิ่งที่รอคอย
    
      "ใจมั่นคง...หรือแค่ชินชากับชีวิต?"
      เขาพึมพำเบา ๆ
    
      อินยังไม่ทันได้พัก
      เสียงกรีดร้องดังขึ้นจากทางเข้าหมู่บ้าน
    
"โจรป่า! มันมาอีกแล้ว!"
      เสียงหวีดร้องทำให้ทุกคนแตกตื่น
      เด็ก ๆ วิ่งหนีไปคนละทาง
      อินเงยหน้าขึ้นทันที
      เห็นชายสามคนโผล่ออกมาจากเงาป่าด้วยใบหน้าปิดผ้า
      ถือมีดสั้นและดาบไม้ไผ่
      ปากตะโกน "ของมีค่ามีเท่าไหร่ เอามาให้หมด!"
    
      โจรป่ากวาดตามองรอบหมู่บ้านเหมือนหมาป่า
      ชาวบ้านบางคนยกมือไหว้ขอชีวิต
      บางคนรีบยัดของเล็ก ๆ น้อย ๆ ใส่มือโจรเพื่อให้รอด
      อินยืนกอดฟืนแน่น หัวใจเต้นแรงจนมือสั่น
    
      เสียงร้องไห้ของเด็กดังขึ้นข้าง ๆ
      อินเห็น แสง เพื่อนวัยเดียวกันถูกโจรคนหนึ่งจับข้อมือแน่น
      แสงดิ้นสุดแรง แต่ถูกเหวี่ยงกระแทกพื้นจนตัวงอ ร้องลั่น
      "อย่าทำอะไรข้าเลย!"
    
      อินก้าวไปข้างหน้าอย่างลืมตัว
      แต่เท้าก็หยุดชะงักเมื่อเห็นมีดเงาวับในมือโจร
      อย่าไป...มันจะฆ่าเจ้าเหมือนกัน
      เสียงในหัวเตือน
      แต่เขามองเห็นเพื่อนที่ร้องไห้ด้วยสายตาหวาดกลัวจนกัดฟันแน่น
    
      เขาโยนฟืนลงพื้น
      คว้าไม้ท่อนใหญ่ที่สุดขึ้นมา
      แล้วพุ่งเข้าไปด้านหลังโจร
      "ปล่อยแสงนะ!"
      ไม้ฟาดโดนกลางหลังจนโจรเซถลา
      มันหันกลับมาช้า ๆ ดวงตาแดงก่ำด้วยความโกรธ
    
      "ไอ้เด็กเวร!"
      มันเงื้อมีดหมายจะฟันอินเต็มแรง
    
      อินรู้ดีว่าตัวเองสู้ไม่ไหว
      แต่กลับยืนกางแขนบังเพื่อนไว้
      เหมือนร่างเล็ก ๆ ของเขาจะเป็นกำแพง
      "มาฆ่าข้าแทน อย่าทำแสง!"
    
      ชาวบ้านรอบ ๆ เงียบสนิท
      ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วย
      อินได้ยินเพียงเสียงหอบหายใจของตัวเอง
      และเสียงร้องสะอึกสะอื้นของเพื่อนที่ซ่อนอยู่ด้านหลัง
    
      โจรยิ้มเหี้ยม
      มีดในมือค่อย ๆ ยกขึ้น
      อินกำหมัดสั่นแต่ไม่ถอย
      ถึงตาย ข้าก็ไม่ถอย
    
      ก่อนที่มีดจะฟาดลงมา
      เสียงแส้ฟาดดัง "เพียะ!" ก้องไปทั่วลานหมู่บ้าน
    
      อินหันขวับไปตามเสียง
      เห็นเงาร่างสูงปรากฏขึ้นในเงามืด
      ใบหน้าภายใต้หมวกปีกกว้างมองมาที่เขาด้วยสายตาคมเหมือนเหยี่ยว
      เงานั้นก้าวออกมาอย่างไร้เสียง...
      และหมู่บ้านทั้งหมู่บ้านก็หยุดนิ่งในทันที
    
      เสียงแส้ฟาด "เพียะ!" ดังขึ้นจนโจรป่าที่เงื้อมีดชะงัก
      ใบมีดแทบหลุดจากมือ
      อินเบิกตากว้างเมื่อเห็นชายร่างสูงก้าวออกมาจากเงามืด
      เขาสวมหมวกปีกกว้างปิดบังใบหน้า
      เดินอย่างมั่นคงราวกับไม่กลัวใครบนโลก
    
      "ใครวะ!" โจรคนหนึ่งตะโกน
      แต่ก่อนที่เสียงมันจะจบ
      เงาร่างนั้นก็หายวับไปอยู่ตรงหน้าแล้ว
    
      ขุนคีรีสะบัดมืออีกครั้ง
      แส้หนังที่เก็บอยู่ข้างเอวฟาดเข้าที่ข้อมือโจรจนมีดกระเด็น
      ไวเกินกว่าตาจะมองทัน
      อีกสองคนพยายามวิ่งเข้าหา
      แต่กลับถูกเตะซัดจนล้มกองเหมือนฟ่อนหญ้า
      ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วและเงียบอย่างไม่น่าเชื่อ
    
      "ไสหัวไปซะ ก่อนที่ข้าจะตัดลิ้นพวกเจ้า"
      เสียงทุ้มต่ำเย็นเฉียบดังขึ้น
    
      โจรป่าที่นอนกุมแขนขยับหนีแทบไม่ทัน
      พวกมันวิ่งกระเจิงเข้าป่าจนหมู่บ้านกลับมาเงียบกริบ
      เหลือเพียงเสียงลมหายใจหอบของชาวบ้านที่ยังไม่กล้าขยับ
    
      อินยืนกอดแสงเพื่อนตัวเล็กแน่น
      หัวใจยังเต้นแรงจนเจ็บหน้าอก
      เขามองชายแปลกหน้าตรงหน้าด้วยความประหลาดใจปนหวาดกลัว
    
      ขุนคีรีหันมามองเด็กชาย
      ดวงตาคมเหมือนอ่านลึกไปถึงข้างใน
      เขาก้าวเข้ามาใกล้ทีละก้าวจนอินต้องถอยหลัง
      "เจ้ากล้าเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องเพื่อน...ทำไม"
    
      อินไม่รู้จะตอบอย่างไร
      เพียงยืนนิ่ง
      เสียงสะอึกสะอื้นของแสงดังอยู่ข้างหู
      แต่เขากลับเงยหน้าขึ้นสบตา
      ขุนคีรีเห็นประกายดื้อรั้นที่ไม่เหมือนเด็กทั่วไป
    
"เจ้าชื่ออะไร" เขาถามเสียงเรียบ
      "อิน..." เด็กชายตอบแผ่ว
      "ข้าชื่ออิน"
    
      ขุนคีรีพยักหน้าเล็กน้อย
      ก่อนหันหลังเดินออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    
      หลังจากขุนคีรีจากไป
      ชาวบ้านบางคนเริ่มซุบซิบเสียงดังขึ้น
      "เด็กนี่บ้าไปแล้ว...ไปท้าทายโจรป่าแบบนั้นได้ยังไง"
      "โชคดีที่มีคนช่วย ไม่งั้นคงได้เผาศพ"
    
      อินได้ยินทุกคำพูดเหมือนมีดกรีดหัวใจ
      เขากอดฟืนเก่ากลับวัดเงียบ ๆ
      ไม่มีใครหันมามองหรือขอบคุณด้วยซ้ำ
      ยกเว้นแสงที่เดินตามหลังมาเงียบ ๆ ดวงตายังแดงช้ำ
    
      คืนนั้น อินนอนบนเสื่อเก่าที่วัด
      ฝ่ามือกำแน่นจนเล็บจิกเนื้อ
      เขานึกถึงแววตาขุนคีรีที่จ้องเขา...
      เหมือนมองเห็นบางสิ่งที่ตัวเองยังไม่เข้าใจ
    
      "ข้าทำผิดหรือถูกกันแน่..."
      เขาพึมพำกับตัวเองก่อนหลับตา
      แต่ความรู้สึกเหมือนมีใครมองอยู่ในความมืดทำให้เขานอนไม่หลับ
    
      ลมกลางคืนพัดแรงขึ้น
      เสียงหมาเห่าหอนดังสลับรอบหมู่บ้าน
      อินสะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงฝีเท้าเบาบนหลังคากุฏิ
      เขารีบลุกขึ้นนั่ง หัวใจเต้นแรง
    
      แสงจันทร์ลอดผ่านหน้าต่างไม้ห่าง ๆ
      เขามองเห็นเงาดำ ๆ เลื่อนผ่านไปเหนือหัว
      ก่อนที่เงานั้นจะหายไปอย่างรวดเร็ว
      อินรีบชะโงกหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง
    
      ใต้ต้นโพธิ์หน้าวัด
      เงาของคนคนหนึ่งยืนอยู่ มองตรงมาที่เขาโดยไม่กะพริบ
      อินกลืนน้ำลายไม่ลง ร่างกายแข็งทื่อเหมือนถูกตรึงไว้กับพื้น
    
      และทันใดนั้น...
      เงานั้นก็ค่อย ๆ สลายไปกับความมืด
      ราวกับไม่เคยมีตัวตน
    
      อินทรุดนั่งลงกับพื้น หายใจถี่
      ความเย็นลามไปทั่วสันหลัง
      พวกนั้นคือใครกันแน่...และทำไมต้องจับตาข้า
    
      รุ่งเช้า หมู่บ้านเริ่มมีเสียงกระซิบกระซาบถึงเหตุการณ์เมื่อคืน
      "คนของสำนักเขาอ้อมาแล้วเหรอ?"
      "อย่าพูดเสียงดัง! เดี๋ยวพวกนั้นเล่นงานเอา"
      "เขาว่าพวกนั้นเป็นพวกเล่นไสยดำ ไม่ได้กลับมาดีหรอก"
    
      อินเดินผ่านได้ยินทุกคำพูด
      แต่ไม่มีใครกล้ามองหน้าเขาตรง ๆ
      เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกผลักไปสู่โลกที่ไม่เข้าใจ
      และชีวิตกำลังเปลี่ยนไปโดยไม่มีวันย้อนกลับ...
    
 
