Call Me Shadow: The Ancient Thai Order – Chapter 9

เรียกข้าว่าเงา Chapter 9: เพื่อนและศัตรูแรกในสำนัก

สำนักเขาอ้อในยามเช้า

เสียงกลองจากลานพิธีเมื่อคืนยังคงก้องอยู่ในหัวของศิษย์ใหม่ทุกคน แม้ฟ้าจะสว่างแล้ว แต่ความกดดันยังไม่จางหายไป อินเดินตามศิษย์รุ่นพี่เข้าสู่เขตสำนักเขาอ้อจริง ๆ เป็นครั้งแรก ทางเดินเป็นลานดินกว้างที่ถูกขุดซ่อนในป่าลึก มีกำแพงหินสูงโอบล้อมเหมือนเมืองเล็ก ๆ

เรือนพักไม้ไผ่และศาลาฝึกถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ มีทางเดินเชื่อมต่อกันไปยังลานฝึกหลักและหอครูบาใหญ่ ทุกอย่างถูกออกแบบให้ดูเรียบง่าย แต่แฝงความเข้มงวดและลึกลับ

สายตาที่อ่านยาก

อินสังเกตเห็นศิษย์รุ่นพี่หลายคนมองศิษย์ใหม่ด้วยสายตาที่อ่านยาก บางคนยิ้มเยาะ บางคนเฉยชา เขารู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะใจดีช่วยเหลือกันง่าย ๆ

เด็กหญิงที่อยู่สายพรางกอดอกแน่น เธอกวาดตาไปรอบ ๆ อย่างระแวง ถ้าฉันแสดงความอ่อนแอออกไป พวกเขาจะมองว่าฉันเป็นตัวถ่วงทันที

เด็กชายสายรบยืดตัวโชว์กล้ามแขนเหมือนต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาแข็งแรงที่สุด ไม่มีใครจะเหยียบหัวฉันได้ ถ้ามีคนท้าทาย ฉันจะจัดการทันที

เด็กสายข่าวอีกคนที่ดูนิ่ง ๆ มองทุกสิ่งด้วยสายตาวิเคราะห์ สายข่าวไม่ได้ชนะด้วยกำลัง…แต่ด้วยการรู้จักใครเป็นใคร ใครอ่อนแอ ใครแข็งแรง ใครควรใช้ และใครควรหลีกเลี่ยง

เรือนพักสายข่าว

อินเดินเข้าสู่เรือนพักของสายข่าวด้วยความรู้สึกไม่มั่นใจ เขายังคิดไม่ตกว่าทำไมตัวเองถึงถูกเลือกมาสายนี้ ทั้งที่แทบไม่มีทักษะสอดแนมหรือวิเคราะห์ข้อมูล

เราจะรอดที่นี่ได้ไหม…หรือว่าการเลือกของศรีคงคือบททดสอบให้เรารู้จักปรับตัว? อินนึกถึงคำพูดของครูมหินทร์เมื่อคืน "เจ้าจะต้องใช้สมองก่อนใช้กำลัง" และรู้สึกเหมือนมีน้ำหนักกดอยู่บนบ่า

เพื่อนใหม่: พลอยเดือน

เมื่อเข้าเรือนพัก อินพบว่ามีศิษย์ใหม่สายข่าวอีกสามคน หนึ่งในนั้นคือเด็กหญิงร่างเล็กชื่อ “พลอยเดือน” เธอยิ้มบาง ๆ และทักอินเบา ๆ

“ข้าเห็นเจ้าตอนถูกเลือก…ข้าแปลกใจที่เจ้ามาสายข่าว แต่ก็ดีแล้ว อย่างน้อยเรามีคนเพิ่มอีกคน”

อินยิ้มตอบแบบเก้อ ๆ แต่รู้สึกอบอุ่นเล็กน้อยที่มีคนยอมพูดคุยกับเขา

ศัตรูในสายเดียวกัน: เก้า

อีกคนหนึ่งชื่อ “เก้า” เขามองอินขึ้น ๆ ลง ๆ แล้วพูดเสียงเย็น “ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้สายข่าวของเราดูอ่อนแอลงนะ”

น้ำเสียงนั้นทำให้อินชะงัก เก้าหันไปจัดที่นอนของตัวเองโดยไม่รอคำตอบ อินรู้สึกเหมือนถูกกดดันตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มฝึก

พลอยเดือนมองตามอินที่ยืนเงียบอยู่ข้าง ๆ และคิด เขาดูไม่มั่นใจเลย…แต่บางครั้งคนแบบนี้กลับพยายามยิ่งกว่าคนอื่น

เก้านั่งพิงฝาและคิดต่างออกไป คนที่ลังเลแบบนั้นมักเป็นภาระ ถ้าเขาไม่เก่งขึ้น ข้าจะไม่ลังเลที่จะผลักเขาออกจากสายข่าว

ผู้สังเกตการณ์: ทศ

ศิษย์ใหม่อีกคนที่ชื่อ “ทศ” เป็นเด็กชายร่างผอมที่เงียบที่สุด เขาเพียงเหลือบตามองคนทั้งสองโดยไม่พูดอะไร แต่ในใจจดจำทุกคำที่ได้ยิน ยิ่งพวกเขาทะเลาะกันมากเท่าไร ข้าก็ยิ่งได้ประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น

ศัตรูจากสายอื่น

ในขณะที่แต่ละสายแยกย้ายเข้าที่พัก ศิษย์สายรบบางคนเริ่มเดินมาหาอินและกลุ่มสายข่าว “เจ้าคือเด็กที่ได้สายข่าวใช่ไหม?” หนึ่งในนั้นพูดเสียงเยาะ

อินหันไปมอง เด็กชายร่างใหญ่คนนั้นคือคนที่เคยหัวเราะตอนเขาถูกเลือก “ใช่…มีอะไร” อินตอบสั้น ๆ แต่พยายามไม่แสดงความโกรธ

เด็กสายรบหัวเราะ “ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากบอกว่าอย่าหวังว่าจะรอดได้นาน…สายข่าวเป็นพวกอยู่ข้างหลัง คอยเก็บเศษข้อมูล เราจะคอยดูว่าเจ้าจะอยู่รอดถึงวันต้อนรับนักรบเงาไหม”

ความตึงเครียดในสายข่าว

คำพูดนั้นทำให้บรรยากาศรอบ ๆ ตึงเครียด พลอยเดือนขยับเข้ามาใกล้อินเหมือนจะป้องกันเขา ส่วนเก้ากลับยิ้มมุมปาก “พวกเจ้าห่วงเกินไป…ถ้าเขาตกไป มันก็ไม่เกี่ยวกับเรา”

อินรู้สึกเลือดสูบฉีด แต่ต้องควบคุมตัวเองไม่ให้ตอบโต้ ถ้าเรามีเรื่องตั้งแต่วันแรก เราอาจถูกมองว่าเป็นปัญหา

เขามองเก้าด้วยสายตาไม่พอใจที่อีกฝ่ายไม่ช่วยปกป้องกัน แต่เก้ากลับหันหน้าหนีเหมือนไม่สนใจ อินได้แต่บอกตัวเองว่า เราต้องพิสูจน์ว่าเราไม่ใช่ภาระ ไม่ว่าจะถูกสายรบหรือใครดูถูกแค่ไหน

ศิษย์รุ่นพี่ผู้สังเกต

ศิษย์รุ่นพี่ของแต่ละสายยืนเฝ้าห่าง ๆ คอยสังเกตพฤติกรรมเด็กใหม่ ขุนคีรีมองอินที่ยืนเงียบขณะถูกสายรบเยาะเย้ยแล้วพึมพำเบา ๆ “เขาจะรับแรงกดดันได้แค่ไหน…”

ครูจันทร์ฉายของสายพรางเดินผ่านและยิ้มบาง “บางครั้งแรงกดดันก็สร้างคนได้ดีกว่าการฝึก”

ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนต่อ

คืนนั้น อินนั่งอยู่ข้างพลอยเดือน ทั้งสองคุยกันเบา ๆ พลอยเดือนเล่าว่าเธอเคยอยู่หมู่บ้านใกล้ชายแดนและต้องใช้ชีวิตระวังภัยตลอดเวลา อินฟังอย่างตั้งใจและเริ่มรู้สึกว่าเธออาจเป็นคนที่เข้าใจเขามากที่สุด

ขณะเดียวกัน เก้านั่งอยู่ห่างออกไปและได้ยินทุกคำ เขาแอบคิด ถ้าพวกเขาเริ่มสนิทกัน มันอาจทำให้ข้าต้องหาทางกดดันอินให้หลุดวงนี้

ทศเพียงนั่งมุมมืด เขียนอะไรบางอย่างลงในกระดาษเล็ก ๆ ที่พกติดตัว ใบหน้าของเขาไม่แสดงอารมณ์ แต่ดวงตาสว่างขึ้นเล็กน้อย ทุกคนกำลังเปิดไพ่ให้ข้าดูทีละคน…ข้าจะใช้มันในเวลาที่เหมาะสม

บททดสอบพิเศษ

รุ่งเช้าวันถัดมา เสียงฆ้องดังขึ้นเรียกศิษย์ใหม่ทุกสายไปลานฝึกกลาง ปรากฏว่าศิษย์รุ่นพี่คนหนึ่งประกาศเสียงดัง

“มีรายชื่อบางคนที่จะถูกทดสอบก่อนวันต้อนรับนักรบเงา! ใครสอบตก จะถูกขับออกทันที!”

ชื่อแรกที่ถูกเรียกคือ… อิน

เสียงรอบลานเงียบกริบ อินยืนนิ่งเหมือนถูกสายฟ้าฟาด

นี่มันอะไรอีก…เรายังไม่ทันได้เริ่มฝึกเลย!

คำสั่งจากครูมหินทร์

เสียงฆ้องยังดังก้องในหูของอินเมื่อได้ยินชื่อตัวเองถูกเรียกเป็นคนแรกสำหรับ “บททดสอบพิเศษ” ลานฝึกกลางเงียบกริบ ไม่มีใครกล้ากระซิบแม้แต่คำเดียว สายตาของศิษย์ใหม่ทั้งหมดหันมามองเขา

อินก้าวออกไปข้างหน้าอย่างฝืน ๆ หัวใจเต้นแรงจนแทบได้ยินเสียงตัวเอง เขาเห็นศิษย์สายรบบางคนแสยะยิ้มเยาะ ส่วนสายพรางหลายคนหลบตาเหมือนไม่อยากเข้ามาเกี่ยวข้อง พลอยเดือนที่ยืนอยู่ด้านข้างทำท่าจะพูดอะไร แต่ถูกศิษย์รุ่นพี่สายข่าวดุว่า “อย่าแทรกกลางพิธี”

นี่คือบททดสอบที่ยังไม่ทันเริ่มฝึกด้วยซ้ำ ถ้าเราล้มเหลว…เราอาจถูกขับออกทันที อินคิดในใจ ความรู้สึกเหมือนมีเชือกพันรอบคอแน่นขึ้นทุกวินาที

ครูมหินทร์สายข่าวเดินออกมากลางลาน เขาถือกระดาษม้วนเล็ก ๆ ที่ผูกด้วยด้ายสีแดง และพูดเสียงเข้ม

“บททดสอบนี้เรียกว่า ‘เส้นทางสอดแนม’ เจ้าจะต้องส่งม้วนสารนี้ไปถึงศาลาฝึกสายข่าวที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของสำนัก โดยไม่ให้ศิษย์รุ่นพี่ที่คอยดักจับอยู่ขัดขวางได้”

เขายื่นม้วนกระดาษให้อินและพูดต่อ “ถ้าม้วนสารนี้ถูกแย่งไป…เจ้าจะถูกขับออกทันที แต่ถ้าเจ้าส่งสำเร็จ เจ้าจะได้อยู่ต่อ”

คำเตือนจากขุนคีรี

อินรับม้วนสาร มือสั่นเล็กน้อย เหมือนมันหนักกว่าที่ควรจะเป็น ด้ายสีแดงที่ผูกม้วนกระดาษดูเป็นเพียงรายละเอียดเล็ก ๆ แต่เมื่ออินสัมผัส เขารู้สึกถึงพลังแปลก ๆ ที่แฝงอยู่

ขุนคีรี ศิษย์รุ่นพี่ที่รับหน้าที่คุมเส้นทาง มองอินด้วยสายตานิ่งเฉียบ “และจงจำไว้ว่าศิษย์รุ่นพี่ทุกคนได้รับอนุญาตให้ใช้ ‘ทุกวิธี’ เพื่อหยุดเจ้า”

อินยืนอยู่ที่เส้นเริ่มต้น หัวใจเต้นแรงจนเหมือนระเบิดได้ทุกวินาที ทุกวิธี? หมายความว่าเขาสามารถทำให้เราบาดเจ็บหรือแม้แต่ฆ่าได้งั้นหรือ?

เขาหันไปเห็นเก้าสบตาเขาด้วยสายตาเย็นชาเหมือนกำลังทดสอบว่าอินจะทำได้หรือไม่ ทศเพียงยกคิ้วเล็กน้อยเหมือนกำลังจดจำทุกการเคลื่อนไหวของอิน พลอยเดือนกัดริมฝีปากจนเลือดซึม เธออยากช่วย แต่รู้ว่าถ้าแทรกแซงเธออาจถูกลงโทษไปด้วย

“เริ่มได้!” ขุนคีรีตะโกน

ฉากบททดสอบ

อินพุ่งตัวออกไปทันที ใช้ความเร็วที่มีทั้งหมดเพื่อฉีกระยะจากศิษย์รุ่นพี่ที่ดักรออยู่ข้างหน้า ทางเดินในสำนักเต็มไปด้วยเส้นทางคดเคี้ยว มีทั้งบันไดไม้ สะพานเชือก และกำแพงเตี้ย ๆ ที่ต้องปีนข้าม

เขาเห็นเงาของศิษย์รุ่นพี่สายพรางกระโดดลงมาจากต้นไม้ข้างทาง อินกลิ้งตัวหลบแทบไม่ทัน พวกเขาอยู่ทุกที่!

เสียงเท้าหนักของศิษย์สายรบดังใกล้เข้ามาด้านหลัง อินกัดฟันปีนกำแพงไม้ที่ขวางทาง แต่ทันทีที่ถึงยอด ศิษย์รุ่นพี่คนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาชนเขาอย่างแรงจนร่างเกือบตก

ถ้าตก…เราจบ! อินตะโกนในใจ

เขาใช้แรงทั้งหมดกระโดดข้ามกำแพงลงมา แต่ข้อเท้ากระแทกพื้นอย่างแรงจนเจ็บแปลบ

เสียงเตือนจากเพื่อน

เสียงตะโกนของเด็กใหม่ดังขึ้นจากอีกฝั่ง “อิน! ทางซ้าย!” อินเหลือบไปเห็นพลอยเดือนยืนลับ ๆ หลังศาลาฝึก เธอแอบส่งสัญญาณให้เขาเลี่ยงเส้นทางที่ศิษย์รุ่นพี่ดักอยู่

ในขณะเดียวกัน อินก็ได้ยินเสียงหัวเราะของเก้า “เจ้าไปทางนั้นสิ…ทางขวาปลอดภัยกว่า” เสียงของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจจนน่าเชื่อ แต่ดวงตาของเก้ากลับวาววับอย่างประหลาดเหมือนกำลังรอดูอะไรบางอย่าง

ใครกันที่เราควรเชื่อ? อินรู้ว่าถ้าฟังผิดเพียงครั้งเดียว เขาอาจถูกจับได้ทันที

เขามองสองทางข้างหน้า ทางซ้ายแคบและมืด ส่วนทางขวากว้างกว่าแต่ดูโล่งเกินไป

พลอยเดือนกัดริมฝีปากแน่น เขาต้องเชื่อเรา ไม่งั้นเขาจะถูกจับตรงทางขวาแน่

เก้ายืนกอดอกยิ้มบาง ถ้าเขาเชื่อเรา เขาจะตกหลุมกับดักที่เตรียมไว้แล้ว…และเราจะไม่ต้องทนเห็นเขาเป็นภาระของสายข่าวอีก

ทศที่ยืนเงียบด้านหลังเพียงมองภาพทั้งหมดและคิด นี่แหละคือเวลาที่ดีที่สุดในการรู้ว่าใครไว้ใจใคร และใครพร้อมจะหักหลังกันได้

ตัดสินใจ

อินสูดหายใจลึก เขาเลือกพุ่งไปทางซ้าย เสียงหวีดแหลมดังขึ้นแทบจะทันทีที่เท้าเขาเหยียบเส้นทางนั้น เหล็กแหลมหลายอันพุ่งขึ้นจากพื้นตรงที่เขาเพิ่งก้าวพ้นไปไม่กี่วินาที

เขาเกือบถูกเสียบทะลุ ถ้าไม่รีบกระโดดข้าม เก้าพยายามหลอกเรา! อินรู้ชัดทันที

เสียงพลอยเดือนตะโกน “วิ่งต่อไป!” ทำให้อินก้าวอย่างไม่ลังเลอีกต่อไป

จุดสิ้นสุดของบททดสอบ

เมื่อเข้าใกล้ศาลาฝึกสายข่าว อินเริ่มรู้สึกว่าม้วนสารในมือร้อนขึ้นเล็กน้อย ราวกับมันมีพลังบางอย่างเต้นอยู่ข้างใน เขาเห็นเงาดำปรากฏขึ้นบนหลังคาศาลา…ไม่ใช่ศิษย์รุ่นพี่ที่เคยเห็น แต่เป็นเงาแปลก ๆ คล้ายใครบางคนกำลังเฝ้าดูอยู่

นี่ไม่ใช่แค่บททดสอบธรรมดา…พวกเขากำลังจับตาอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรา อินคิด แต่ไม่มีเวลาค้นหาคำตอบ

อินกระโจนข้ามสะพานเชือกเส้นสุดท้ายเข้าสู่ศาลาฝึกสายข่าว แต่ทันทีที่เท้าของเขาแตะพื้น เงาดำที่เห็นบนหลังคาก็หายไปเหมือนไม่เคยมีอยู่

ศิษย์รุ่นพี่สายข่าวรออยู่ตรงหน้า เขายื่นมือมารับม้วนสารและตรวจดู เสียงกลองทุ้มดังขึ้นหนึ่งครั้งก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้น

“เจ้าส่งสารสำเร็จ…แต่เจ้ารู้หรือไม่ ว่ามีคนตั้งใจให้เจ้าล้มเหลว”

อินหอบหายใจแรง เหงื่อไหลท่วมตัว เขาหันกลับไปมองลานฝึก สายตาไปเจอกับเก้าที่มองมาทางเขาและยิ้มบาง

นี่คือเพื่อนหรือศัตรูที่แท้จริงกันแน่…?

🛡️ คำชี้แจงของผู้เขียน

เนื้อเรื่อง สถานที่ และตัวละครในผลงานเรื่องนี้ เป็น จินตนาการของผู้เขียนทั้งหมด

ได้รับแรงบันดาลใจจากความเชื่อและตำนานพื้นบ้านเพื่อนำมาสร้างสรรค์เป็นงานบันเทิง

ผู้เขียน ไม่มีเจตนาพาดพิงบุคคล องค์กร ศาสนา หรือสถาบันใด ๆ

เหตุการณ์ที่ปรากฏในเรื่องไม่ใช่ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ และไม่ควรนำไปใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงใด ๆ

จุดประสงค์ของผลงานคือเพื่อความบันเทิงเท่านั้น

SacredCode

#CallMeShadow #CMS #TheAncientThaiOrder #TATO #เรียกข้าว่าเงา #SS #SiamShadow

ตอนที่ 8
ตอนที่ 10
Update cookies preferences